มารู้จักกับรูปแบบเกมแนว MOBA ที่เป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน
หากคุณเป็นคนเล่นเกมก็คงงรู้จัเกมหลายเกมดัง อย่างเช่น Street Fighter , Final Fantasy , Mario , Minecraft , Guitar Hero , Resident Evil , Silent Hill , Diablo และยังมีเกมอีกมากมายที่กล่าวไม่หมด ซึ่งแต่ละเกมก็จะมีแนวการเล่นตามชื่อเรียกที่แตกต่างกันไป เช่นเกมแนว Action , Adventure , Arcade , Casual , Fighting , Horror , Open World , 2D Side Scrolling , RPG และอีกมากมายหนึ่งในนั้นคือแนวเกม “Strategy” เกมแนววางแผน เน้นการจัดการและบริหารกับทรัพยากรที่มีอยู่ ซึ่งเป็นพื้นฐานของต้นกำเนิดเกมแนว MOBA ที่เรากำลังจะกล่าวถึงในบทความนี้
เกมแนว Strategy นั้นจะแบ่งย่อยอีก 3 รูปแบบ
Real Time Strategy (RTS)
ตามชื่อเลยครับคือเกมที่คุณต้องจักการทรัพยากรที่มีอยู่ตลอดเวลาเช่นเกม Romance of the Three Kingdoms, Warcraft, Starcraft, Stronghold เป็นต้น
Turn Based Strategy (TBS)
นี่ก็เป็นการวางแผนเหมือนกัน แต่จะจำกัดเรื่องของทรัพยากรหรือเงื่อนไขของเวลาในการเล่น เกมที่บังคับยูนิตให้เดินบนช่องตารางเป็นส่วนใหญ่เช่นเกม Sid Meier’s Civilization, Heroes of Might and Magic, Super Robot,
Front Mission, Fire Emblem Tactic
แนวการเล่นที่เน้นควบคุมยูนิตในการรบจะมีการกำหนด “พื้นที่ในสนามรบ” การออกยูนิตแต่ละตัวจะมีความแตกต่างตามแต่การเลือกใช้ และยังเป็นปัจจัยวัดผลแพ้ชนะด้วยเช่นเกม Tactic Ogre, Final Fantasy Tactic
การพัฒนามาเป็นเกมแนว MOBA>แนว MOBA ถือกำเนิดจากค่ายที่ได้ฉายาว่าพ่อมดน้ำแข็งอย่าง Blizzard ก็ได้ เพราะตั้งแต่ Blizzard วางจำหน่าย Warcraft 3 : Reign of Chaos และภาคต่ออย่าง The Frozen Throne เกิดความนิยมเพราะผู้เล่นสามารถแก้ไขแผนที่ หรือ (Map Editor) ทำให้มีการเปิดขายแผนที่ที่ผู้เล่นทำเอง (Custom Map) รวมถึงฉากเพิ่มเติมต่างๆ กันอย่างแพร่หลาย จากที่กล่าวมาเกมแนว MOBA (Multiplayer Online Battle Arena) หรือเดิมก็คือ Multiplayer Map เช่นเกม Warcraft III , DotA ซึ่งมีชื่อที่เรียกกันอีกมากเช่น (Tactical Team-based Role Playing Game ) หรือบางทีก็เรียกว่า ARTS (Action Real Time Strategy) โดยให้เข้าใจง่ายมันก็คือการรวมเกมแนว (RTS) (TBS) Tactic เข้าใว้ในตัวเดียวกันนั่นแหละครับ แต่มีจุดเด่นตรงที่ผู้เล่นสามารถบังคับยูนิตได้เพียงตัวเดียว โดยผู้เล่นทั้งสองฝ่ายต้องเข้าแย่งชิงพื้นที่ของผ่านตรงข้าม หรือที่เราเรียกว่า “ตีป้อม” นั่นแหละครับ หรืออาจจะเป็นการตัดกำลังยูนิตของอีกฝ่าย ผลลัพธ์อาจจะพลิกผันได้หลายรูปแบบ อย่างเช่นการเข้าตีพื้นที่ของอีกฝ่ายจนแตกหรือ “ฮีโร่” (บางเกมก็เรียกว่า “แชมเปี้ยน”) ในเกมนั้นๆ เก่งเกินกว่าที่จะเอาชนะได้
ซึ่งเกมในแนว MOBA นี้มักจะมีส่วนผสมของแนว RPG มาด้วย ในเรื่อง LV (Level) มักจะเป็นการใช้ไอเท็มต่างๆ และประเภทนี้เกมจะค่อนข้างเร็วจบไว ซึ่งถูกนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นกีฬา อี-สปอร์ต ผู้คนสนใจมีนักกีฬาจากหลากหลายประเทศ เข้าร่วมแข่งขันชิงเงินรางวัลมากมาย ทั้งในรูปแบบเกมคอมพิวเตอร์และรูปแบบมือถือ เช่นเกม Defense of the Ancients (DOTA) , League of Legends (LOL) , Heroes of Newerth (HON) , Arena of Valor (AOV) หรือ (ROV) และอีกมากมาย
การแบ่งว่าเกมไหนเป็นเกมประเภทแนวMOBA
1. มีการแบ่งฝั่งในการเล่นอย่างชัดเจน ผู้เล่นหนึ่งคนควบคุมเพียงแค่ 1 Unit (ตัวละคร) และจะต้องอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่งเท่านั้น โดยที่ตัวละครที่ควบคุมนั้นจะมีสกิลให้ใช้ที่หลากหลายมากมาย
2. แต่ละทีมจะต้องบุกไปทำลายฐานฝ่ายตรงข้าม และก็จะต้องคอยป้องกันไม่ให้ฝั่งตรงข้ามบุกมาทำลายฐานของฝ่ายเราด้วย
3. ภายในทีมจะมีสมาชิก 5 คน และแต่ละคนจะควบคุมเพียงแค่ตัวละครของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถควบคุมตัวละครของสมาชิกอื่นๆ ภายในทีมเดียวกันได้
ซึ่งตัวฐานของผู้เล่นจะอยู่สุดขอบของแผนที่แต่ละฝั่ง (ซ้าย-ขวา) และมี 3 เลนที่ที่จะเป็นทางเดินไปหาทั้ง 2 ฐานไว้ด้วยกัน โดยที่ Creep หรือ Minion (ทหารอัตโนมัติภายในเกม) จะวิ่งออกไปในแต่ละเลนเพื่อไปทำลายฐานของฝั่งตรงข้าม โดยเป้าหมายของแนว MOBA คือทั้งสองฝั่งสามารถที่จะดันเลนของฝ่ายตรงกันข้ามและมุ่งหน้าไปทำลายฐานของฝ่ายตรงข้ามให้ได้ ก่อนที่จะโดนทำลายฐานของตัวเอง ความสนุกของเกมจริงๆมันอยู่ตรงที่ ก็คือการปะทะกันระหว่างผู้เล่น (PvP) ซึ่งนั่นค่อนข้างที่จะท้าทายฝีมือผู้เล่นพอสมควร รวมถึงระบบ AI หรือ Bot ที่ไว้ให้ผู้เล่นได้ทดสอบฝีมือและลองออกไอเทม ก็ช่วยฝึกฝีมือผู้เล่นได้เช่นกัน (แต่จะน้อยกว่าการสู้กับคนจริงๆ เพราะ Bot ถูกโปรแกรมมาในรูปแบบที่ค่อนข้างจำกัด แตกต่างกับคนที่พลิกแพลงได้เรื่อยๆไม่สามารถคาดเดาได้ ต้องดูกันไปแบบเกมต่อเกม