กีฬาโปโล เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่มีผู้คนชื่นชอบกันมากมายในต่างประเทศ แต่บ้านเรานั้น เรียกได้ว่าอาจจะไม่เป็นที่นิยม หรือคนในประเทศแทบจะไม่รู้จักกันเลยด้วยซ้ำ กีฬาโปโลเป็นกีฬาที่มีการตีลูกหนังบนหลังม้าถือกำเนิดขึ้นในอาณาจักรเปอร์เซีย 2,600 ปีก่อนคริสตกาล ต่อมา เอ็ด ชิกเก้น ฮาร์ททอปป์ ประจำหน่วยทหารม้าที่ 10 เป็นผู้ร่างกติกาคราวๆ ขึ้น และรู้จักในชื่อ “ฮอกกี้บนหลังม้า” หลังจากนั้น ที่ประเทศอินเดีย จอห์น วัตสัน ประจำหน่วยทหารม้าที่ 13 ได้สร้างกฎ กติกาของการแข่งขันอย่างเป็นทางการ และถือเป็นแบบแผนของกีฬาโปโลในปัจจุบัน
สำหรับกีฬาขี่ม้าโปโลในประเทศไทย กีฬาประเภทนี้เข้ามาในประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 7 โดยเป็นการนำทีมอังกฤษที่ประจำอยู่ที่เกาะปีนังมาเล่นถวายต่อหน้าพระที่นั่ง จากนั่นก็มีการก่อตั้งสโมสรขี่ม้าตีคลีในพระบรมราชูปถัมภ์ขึ้น เพื่อส่งเสริมกีฬานี้เป็นการเฉพาะ แต่เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ “โปโล” กลับกลายเป็นกีฬาที่นิยมกันอยู่ในวงจำกัดเฉพาะชาวต่างชาติที่มาตั้งรกรากเพื่อทำธุรกิจในประเทศไทยและกลุ่มชนชั้นสูงในสังคมเท่านั้น
จนในที่สุดเมื่อประมาณ 50 กว่าปีก่อนหน้านี้ การดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกีฬาขี่ม้าโปโลของสโมสรนี้ ก็ต้องล้มเลิกไป เพราะเหตุปัจจัยต่าง ๆ ซึ่งล้วนแต่ทำให้โปโลกลายเป็นกีฬาที่ ”แพง” และ “ยุ่งยาก” ดังนั้น กีฬาขี่ม้าโปโลจึงเสื่อมความนิยมเป็นลำดับ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคเดียวกันแล้ว ความสนใจและความนิยมในกีฬาขี่ม้าโปโลนั้น จะแตกต่างจากประเทศเราเป็นอย่างยิ่ง ส่วนการขี่ม้าโปโล (Polo) หรือที่ในอดีตเราเรียกกันว่า “ตีคลี” นั้นได้รับความสนใจในวงแคบ จนแทบจะกล่าวได้ว่าความสนใจในกีฬาขี่ม้าโปโลนั้นเกือบจะเป็นศูนย์เลยก็ว่าได้
การเล่นกีฬาโปโลนั้น สนามกีฬาโปโลมีขนาดใหญ่ประมาณสนามฟุตบอลรวมกันถึง 4 สนาม โดยแบ่งผู้เล่น ออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายละ 4 คน โดยเวลาในการแข่งขันโปโล จะเล่นกัน 4-6 ชักก้า ซึ่งคือหน่วยเวลาในการแข่งขันกีฬาชนิดนี้ แต่ละชักก้าใช้เวลาประมาณ 7 นาที หรือแล้วแต่จะตกลงกัน การนับแต้มของกีฬาโปโล เมื่อลูกเข้าประตูอย่างถูกกติกา จะนับทีละ 1 แต้ม
กฎและกติกาในการเล่นกีฬาโปโล
กติกาการเล่นโปโลอย่างง่าย ๆ แต่ละฝ่ายจะมีนักกีฬา 4 คน ทั้งสองฝ่ายจะเล่นบอลลูกเดียวกัน และจะต้องใช้ไม้โปโลเท่านั้นในการเคลื่อนไหวลูก โดยแต่ละฝ่ายจะต้องพยายามนำลูกบอลไปเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามให้ได้ เมื่อลูกบอลเข้าประตูอย่างถูกต้องตามกติกา จะได้ 1 แต้ม วิธีสังเกตง่ายๆ ว่าลูกบอลเข้าประตูคือ ผู้กำกับประตูจะยกธงขึ้นโบกไปมา แต่หากลูกไม่เข้าประตู ผู้กำกับประตูจะนำธงชี้ลงที่พื้นด้านนั้นๆในแต่ละแม็ทช์ของการเล่น จะแบ่งเป็นรอบย่อยๆ เรียกว่าชักก้า มีเวลานานประมาณ 7 นาที ปกติในแต่ละการแข่งขัน จะแข่งกันที่ 4-6 ชักก้า แล้วแต่ตกลงกัน แต่ละชักก้า จะมีเวลาพัก 3-5 นาที และครึ่งหนึ่งของการแข่งขัน จะมีเวลาพักสองเท่าของเวลาพักแต่ละชักก้า เมื่อหมดการแข่งขันแต่ละชักก้า จะต้องเปลี่ยนม้า ทั้งผู้เล่นและกรรมการในสนาม
นอกจากความสนุกสนานของกีฬาชนิดนี้แล้วสิ่งสำคัญที่กีฬาขี่ม้าโปโลกับผู้ที่เข้าไปสัมผัสซึมซับได้ก็คือ สปิริตและน้ำใจของนักกีฬา เนื่องจากกีฬาชนิดนี้มีความเร็วสูง อีกทั้งยังต้องใช้ไม้ตีลูก ทำให้โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมีขึ้นง่ายๆ รวมถึงหากมีการกลั่นแกล้งกันในสนามก็สามารถทำได้ง่ายๆ และหากเกิดขึ้นจริงก็มีโอกาสได้รับบาดเจ็บสูง แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นเพราะผู้เล่นทุกคนเคารพกติกาอย่างดี อาจมีเพียงกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย เป็นแค่ในเกมส์ หลังจบการแข่งขันก็จับมือกัน
แต่สำหรับเหล่าคอพนันนั้น กีฬาโปโลถือได้ว่าเป็นกีฬาที่มียอดพนันการวางเดิมพันมากมายจากเหล่านักพนัน เพราะเป็นกีฬาที่สนุกและดูน่าตื่นเต้น อีกทั้งกฎและกติกาต่าง ๆ ยังเข้าใจได้ง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และการพนันในกีฬาโปโลนั้นก็ไม่ได้มีความยุ่งยากซับซ้อน เพราะหากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสามารถทำคะแนนได้ และชนะในเกมการแข่งขัน ผู้ที่วางเดิมพันในทีมที่ชนะ ก็จะได้รับเงินรางวัลจากการเดิมพันไปปได้ง่าย ๆ
การเดิมพันและวางพนันในกีฬาชนิดนี้นั้น อาจจะยังไม่ได้แพร่หลายมากมายนัก แต่ก็เป็นอีกหนึ่งกีฬาที่มีความสนุกสนานไม่แพ้การพนันกีฬาอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล บาสเก็ตบอล มวย ซึ่งการเดิมพันเกมกีฬาต่าง ๆ นั้น สามารถศึกษาและลองทำความรู้จักกับการพนันออนไลน์ได้ผ่านช่องทางเว็บไซต์คาสิโนออนไลน์ต่าง ๆ ได้มากมาย